วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวเชียงใหม่ ธันวาคม 2011

เที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้มา 4 คืน 5 วันแน่ะ...เอาแบบไม่หวือหวา กะมาพักผ่อนอาบอากาศหนาวๆลมเย็นๆ ศึกาาข้อมูลจากโลกไซเบอร์ไว้แล้ว  นั่งเครื่อง Airasia จากPhuket ตรงมาเลย สะดวกดีจัง ใช้เวลาบิน 2 ชม. เหยียบพื้นเมืองล้านนา นั่ง Taxi สนามบิน ค่า taxi 54 บาท บวกอีก 50 บาทค่าธรรมเนียม         เข้าโรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว โรงแรมเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่  กว่าจะเดินถึงห้องพักเล่นเอาเมื่อย เพราะมันเป็นหลายตึกเชื่อมกัน ขึ้นตึกนี้ ไป ต่ออีกตึกนึง...แทบจะหลงทางกันเลยทีเดียว
สภาพห้อง...สยองงง..กลิ่นอับโชยมาเลย.ไม่น่าเลยเรา พลาดไปซะแล้ว....เตียงอย่างโทรม...หมอนสีมอมอ ห้องน้ำโอว...ไม่อยากอาบน้ำเลยอ่ะ  แถมไม่มีที่ฉีดน้ำอีก ฮือๆ จ่ายตังไปแล้วจองผ่าน agoda สองคืนซะด้วย หลับหูหลับตานอนๆไปตามนั้น




เสร็จสรรพ เรียกรถแดงไปนิมมาน ซอย 11 กินเตี๋ยวเนื้อตุ่นรสเยี่ยม  อร่อย น้ำซุปเข้มข้น เมนูหลากหลาย หมู เนื้อ ผัก...ไม่แพง 40 บาท  อันนี้ปอเปี๊ยะราดแกงกะหรี่  ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ....ไม่คุ้นลิ้น


อิ่มท้องแล้วเดินเล่นแถวนิมมาน ร้านน่ารักๆเพียบ...มานั่งจิบกาแฟต่อที่  wawee coffee  บรรยากาศดี แต่โกโก้ร้อนนี่สิ...ไม่ร้อนเลยอ่ะ...เลยให้เค้าไปทำมาใหม่  mocca เย็น 89 บาททททท..บราวนี่ (40 บาท)ก็อร่อยเข้มดี รวมๆก็ ok นะ


ต่อด้วยมื้อค่ำ นั่งรถแดงอีกแล้ว คนละ 20 บาทมาตลาดหน้ามอ.ชอ. .....ชอบบบมากกก  ของกินเพียบน่ากินทั้งนั้น ถูกแสนถูก(เมื่อเทียบกับภูเก็ต)  อยากกินไปหมด ไม่ได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่มัวแต่ละลานตาอยู่..เป็นลานโล่ง อากาศดี บรรยากาศดีมาก...กินหอยทอดกะทะร้อน  เยอะๆ 40 บาทเอง  ซาลาเปาหลายสิบไส้เลยเลือกเอา เปา chocolate , เปาต้มยำ , เปาชาเขียว ....12-18 บาท อุ่นให้ร้อนๆด้วย แนะนำให้มากินที่นี่เลย "ของกินหน้ามอ."
   เช้าวันที่สอง บุฟเฟ่ต์ ที่โรงแรม แล้วเช่ามอไซค์ ร้านหน้ารร. Honda click 200 /วัน ไปกาดหลวง ได้กางเกงสะดอมาตัวละ 100 บาท  ซิ่งข้ามสะพานน้ำปิงต่อไปกินข้าวซอย เสมอใจ ฟ้าฮ่าม  เกือนเข้าร้านผิด แถวนั้นจะมี ข้าวซอย ลำดวน ฟ้าฮ่ามอยู่ด้วย...


เค้าว่าถ้าข้าวซอยเชียงใหม่ต้องร้านนี้   เมนูหลากหลาย  ข้าวซอยไก่ 30 บาท  อิ่มของคาวแล้วไปต่อของหวาน ย่านนิมมานเหมือนเดิม ปากซอย 3 ร้านกู โรตีชาชัก  เมนูโรตีหลายสิบรายการ สั่งมา 1 อย่าง โรตีไส้กรอก 40 บาท แป้งกรอบหอมอร่อยยย  โกโก้ชัก 60 บาท  คนเชียงใหม่เค้าชอบมานั่งอ่านหนังสือ เล่นcom คุยงาน  ทำการบ้าน กันตามร้านกาแฟแบบนี้  แบบว่าชีวิตชิลชิลดีอ่ะ  อย่างธนาคารก็เปิด 10.30 น. ปิด ห้าโมงเย็น  ชีวิตเริ่มต้นกันสายหน่อย  ไม่เหมือนภูเก็ต อะไรๆก็เร่งรีบ แข่งขันกันไปหมด ตามประสาชาวใต้ ผสมกับสังคมเมืองไปแล้วด้วย












   ข้ามถนนไปซื้อ Mike's Burgerสาขานิมมาน ซักหน่อย ได้ Burger ปลา 89 บาท , เนื้อ 89 บาท ก็OK แอบแพงไปนิสนึง


บ่ายสองแว๊นไปงานพืชสวนโลก วิ่งเรียบคลองชลประทานไปทางหางดง ประมาณ 10 km. อาการร้อนเชียว  ค่าบัตร 200 ถ้าจองทาง net ก่อน 13 ธคง ได้ 100 บาทเองง่ะ   เดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูป จนเมื่อยมากก็แว๊นกลับ












มื้อค่ำ ซิ่งไปหาของกินหลังมช. ได้ร้านข้าวต้มนายดำ อร่อยๆราคาไม่แพง เจ้าของร้านออกมายืนไหว้ขอบคุณลูกค้าหน้าร้านเลยอ่ะ  สั่งยำปลาสลิด  ห่อหมกทะเล 100 บาท เยอะมาก อร่อยสุดๆชอบ  ต้มยำทะเลใสลูกชิ้นเม็ดเล็กๆเคี้ยวหนุบๆดี  ... จบวันแบอิ่มพุงปลิ้นเลย
               เช้าวันที่สาม check in ที่ M Hotel (รร.มนตรีเดิม) เค้า renovate ใหม่ ห้องพักสะดวกสบายทันสมัย ทำเลเยี่ยมเลย อยู่ตรงประตูท่าแพเลย เดินไป 20 ก้าวก็เป็นถนนคนเดินแล้ว   เช่ามอไซค์ที่รร.นี่แหละ คราวนี้เป็น Fino  ราคา 200 บาท /วัน  ซิ่งไปแม่ริมกัน ระยะทางประมาณ 16 km. ขี่ไปเรื่อยได้ ทางดีไม่ชัน อากาศดีๆลมเย็นๆ วู้ๆๆๆ ชอบจัง เส้นทางแม่ริม-สะเมิงนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะ  อย่าง สวนกล้วยไม้  ฟาร์มงู  ฟาร์มจระเข้  โชว์เสือ  ที่กล่าวมานั้นไม่ได้แวะเลย....มาจอดที่ปางช้างแม่สา ค่าบัตร 200 บาทแน่ะ (เห็นว่าเมื่อก่อน 120 บาทเองง่ะ) หน้าปางมีร้านกาแฟวาวี อีกแล้ววว...หลังจากเดินเล่นในปางดูช้างตัวเล็กตัวน้อยแล้ว ก็ออกมานั่งจิบกาแฟ รอรอบการแสดงช้าง 13.30 น. ( มีสามรอบต่อวัน นี่เป็นรอบสุดท้าย)  โชว์ช้างคนดูแน่น แต่ไม่มีคนพากย์ทำให้ขาดอรรถรสในการชม แสดงกันแบบเงียบๆ แต่เจ้าช้างก็น่ารักตามธรรมชาติของเค้า


                                               M Hotel




                 ไร่สตอเบอรี่ ระหว่างทางไปปางช้างแม่สา  ไม่ได้เปิดให้เก็บค่ะ ซื้อที่เค้าเก็บมาขายแล้วได้ อย่างหวานดลละ 250  แบบเปรี้ยวหน่อย โล 150 บาท







เย็นๆซิ่งรถกลับมาเดินถนนวัวลาย มีของขายคล้ายๆท่าแพ แต่น้อยกว่าซักครึ่งนึง  ต่อด้วยโจ๊กสมเพชรเจ้าดัง ใครๆที่มาเชียงใหม่ต้องมากิน เค้าเปิดกัน 24 ชั่วโมงเลย ได้ทุกมื้อ
สั่งข้าวต้มโป๊กแตกทะเล อร่อยๆๆๆๆ 55 บาท  ราดหน้าทะเล เส้นเหนียวนุ่ม ปลา หมึก กุ้ง ชิ้นโตๆ อิ่มจ้า


 นอนหลับฝันดีที่ M hotel

ไว้มาเล่าต่อจ้า>>>>

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การแพ้ยา

http://www.youtube.com/watch?v=qMCJDzS4ocM&feature=youtu.be
มีคลิปเรื่องการแพ้ยา  ที่ดูง่ายๆเข้าใจง่ายมาฝากค่ะ
เพื่อเข้ากับสถานการณ์ Clip fever ช่วงน้ำท่วมค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วงการร้านขายยา ณ จังหวัดหนึ่ง

ต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ หากเพื่อนๆวงกาารร้านขายยามีความเห็น หรือประสบการณ์แตกต่าง หรือเห็นด้วยก็สามารถ share ได้นะคะ
  เมื่อปี  46 ทำงานประจำอยู่รพ.เอกชน และเปิดร้านขายยาไปด้วย (ขย 1 ) พอเลิกงานตอนเย็นก็ไปเปิดร้านขายเองคนเดียวไม่จ้างลูกน้องค่ะ ทำเองทุกอย่าง  รายได้พออยู่ได้แต่ไม่รุ่ง  ทำได้ 3 ปีก็ให้เค้าเช่าไป(บ้านตัวเอง) แล้วย้ายไปเปิดอีกที่โดยให้พี่ชายขาย  หลายคนอาจสงสัยว่าพี่ขายยาเป็นเหรอ  นั่นสิ และไม่ต้องมีเภสัชกรขายเหรอ   สมัยนั้นใบอนุญาตขายยาแค่จำกัดว่าให้มีเภสัชกรประจำร้าน  ในช่วงเวลาใดก็ได้ค่ะ เช่น ภญ...เวลาปฏิบัติการ 17.00-21.00 น. ส่วนเวลานอกเหนือจากที่ระบุใครจะมาขายก็ได้   ร้านอื่นๆเค้าจะจ้างเภสัชกรตามรพ.มา "แขวน"ป้าย  คือเอาค่าใบประกอบไป ไม่ต้องมาอยู่ก็ได้....เป็นไงล่ะค่ะผู้บริโภคน่ากลัวมั๊ยว่าคุณรับยาจากใคร....
สมัยนั้นร้านยาไม่ได้มากมายอะไร และ วิชาชีพเภสัชกรยังขาดแคลนอยู่ในภาครพ.ทั้งเอกชน และรัฐบาล หรือกระทั่งบริษัทยา โรงงานยาต่างๆ  ร้านยาจึงไม่มีคู่แข่งมากนัก    ขายได้ซัก 1 ปีก็ย้ายร้านอีกค่ะ  ย้ายมาเช่าบ้านคนอื่นขายมั่ง หลังจากขายที่บ้านตัวเองมาสองที่แล้วไม่รุ่ง     ร้านที่สามที่นับว่าทำเลดีกว่าร้านเดิมค่ะ ยอดขายก็นับว่าอยู่ได้....มาช่วง2-3 ปีหลังนี่แหละค่ะ วงการร้านยาก็กลายเป็น red ocean เลย ร้านขายยาที่นี่เปิดกันมากมาย เดือนละ 2- 3 ร้านเรียกว่า ร้านยาที่นี่มากกว่า 7-11 เลยค่ะ   เศรษฐกิจที่ดีของจังหวัดนี้ก็ส่วนหนึ่ง  วิชาชีพเภสัชกรที่ไม่ได้เป็นสาขาขาดแคลนแล้วก็อีกส่วน มหาลัยหลายที่เปิดหลักสูตรเภสัชศาสตร์  ผลิตเภสัชกรได้มากมาย  พอมันล้นตลาดก็ไม่รู้จะทำอะไร  หันซ้ายหันขวาเปิดร้านดีกว่า  แต่บางคนก็มีเป้าหมายความมุ่งมั่นในการเป็นเภสัชชุมชนนะคะ ทุกสังคมทุกวิชาชีพก้ย่อมต้องมีสีขาว สีดำ สีเทาๆปนๆกันไปค่ะ  อยู่ที่ว่าสีใดจะมีมากกว่ากัน  ส่วนตัวคิดว่าวงการร้านยายังคงมีสีขาวมากกว่าสีอื่นๆนะคะ
        ขายยาไม่ได้กำไรมากมายอะไรค่ะ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เอง ค่ะ แต่เป็นงานที่อิสระ เป็นงานเชิงสังคม สุขภาพ ของคน ตั้งอยู่บนความเสี่ยงเหมือนกันนะคะ ยิ่งมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคด้วย และอิทธิพลของสื่อต่างๆ แล้ว อะไรก็ฟ้องได้ค่ะ หากการปฏิบัติงานไม่ตั้งอยู่บนมาตรฐานวิชาชีพ  แต่ก็ล่ะค่ะความที่ร้านยามีมาก ฝ่ายที่ถือกฎหมายมีเพียงหยิบมือ ก็เลยเห็นการกระทำแบบสีเทาๆให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ
เข้าใจข้อจำกัดของสสจ.เรื่องกำลังคนค่ะ  ส่วนผู้ประกอบการเองก็ต้องมีจรรยาบรรณในตัวเองร่วมมือกันไป ผู้บริโภคจะได้รีบประโยชน์สูงสุดค่ะ
   เรื่องที่ว่าการกระทำสีเทาๆที่เคยเห็นมาในวงการร้านยาก็อย่างเช่น  ขายยากล่อมประสาท (alprazolam ,Lorazepam,diazepam ฯลฯ) ให้เด็กวัยรุ่นเพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด  เปิดขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ฮิตมากๆตอนนี้ก็ขายยาแก้ไอสูตร Benadryl ให้กลุ่มวัยรุ่นเยาวชน นำไปผสมเป็น 4x100 , 5x100 มึนเมากันไป  ยาพวกนี้ขายได้ไม่ผิดกฎหมายค่ะ(ถ้าเป็นขย 1)โดยต้องทำรายงานการขาย ว่าขายให้ใคร จำนวนเท่าไหร่ เพื่ออะไร ไว้เวลาสสจ.มาตรวจก็สามารถให้ดูได้  แต่เดือนนึงไม่เกิน 300 ขวด คนละไม่เกิน 3 ขวดค่ะ  เพื่อการรักษาอาการไอ ระคายคอ ได้ค่ะ....ยากลุ่มนี้คิดว่าต่อไปคงให้เลิกจำหน่ายในร้านยาอีกแน่ค่ะ เหมือนกับยากลุ่ม Pseuephedrine+antihistamine(สำหรับลดน้ำมูก คัดจมูก) ที่เค้าให้เลิกขายในร้านยาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 54 นี้เนื่องจากมีกระบวนการการค้ายานำไปสกัดเอา Pseudoephedrine ออกมาเป็นสารตั้งต้นของยาบ้าได้อีก....ยาดีๆก็เลยถูกเก็บออกจากตลาดร้านยา...
                แต่ร้านยาสีขาวๆก็มีมากนะคะ ร้านที่ให้บริการด้านยาและสุขภาพกับชุมชนอย่างแท้จริง เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน อันนี้จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนค่ะ เชื่อมั่นอย่างนั้นค่ะ   ผู้บริโภคลองเลือกร้านยาสีขาวไว้ในดวงใจคุณซักร้านนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คลิปกบนอกกะลา ตอนความรู้เรื่องร้านขายยา

http://www.youtube.com/watch?v=UZy7BZNhWFU ลองดูนะคะ จะได้เลือกเข้าร้านยาได้ตรงตามความต้องการค่า  และคราวหน้าจะเล่าเรื่องวงการร้านยาที่ตัวเองเข้าไปอยู่มาเกือน 10 ปีนะคะ

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไซนัสอักเสบ รักษาได้ไม่ยาก

 โรคไซนัสอักเสบเกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงเป็นโรคที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์บ่อยที่สุดโรคหนึ่ง โดยประมาณกันว่า 1 ใน 8 ของประชากรทั่วไปจะเป็นโรคนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะในฤดูที่คนป่วยเป็นไข้หวัดมากอย่างในช่วงนี้ แต่เนื่องจากโรคไซนัสอักเสบไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง เราจึงควรทำความรู้จักกับโรคนี้ไว้เพื่อจะได้รู้เท่าทัน

     โรคไซนัสอักเสบคือการอักเสบของเยื่อบุโพรงอากาศข้างจมูก หรือที่เราเรียกว่า “ไซนัส” ซึ่งอาจเป็นเพียงหนึ่งไซนัส หรือหลายไซนัส เป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ อาจจะเป็นการอักเสบติดเชื้อหรือการอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อก็ได้
รู้จักไซนัสและหน้าที่ 
     ไซนัสคือโพรงอากาศที่อยู่ภายในกระดูกบริเวณรอบๆ หรือใกล้เคียงกับจมูก ซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ๆ ในแต่ละข้าง ไซนัสที่ใหญ่ที่สุดอยู่ภายในกระดูกโหนกแก้ม (maxillary sinus) อีกกลุ่มหนึ่งมีอยู่หลายโพรง มีขนาดเล็ก และอยู่ระหว่างบริเวณโคนจมูก และหัวตาแต่ละข้าง (ethmoidal sinuses) ในกระดูกหน้าผากก็มีไซนัสภายใน (frontal sinus) นอกจากนั้นยังมีไซนัสที่อยู่ใต้ฐานกะโหลกศีรษะ (sphenoidal sinus) ด้วย หน้าที่ของไซนัสนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจช่วยทำให้เสียงที่เราเปล่งออกมากังวานขึ้น ช่วยทำให้กะโหลกศีรษะเบาขึ้น และช่วยรักษาสมดุลของศีรษะ ช่วยในการปรับความดันของอากาศภายในโพรงจมูก ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของความดัน และสร้างสารคัดหลั่งที่ป้องกันการติดเชื้อของโพรงจมูกและไซนัส
บุคลิกของโรคไซนัสอักเสบ
     โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลง รวมถึงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง ที่สำคัญโรคไซนัสอักเสบมักไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เนื่องจากอาการของโรคมักไม่เฉพาะเจาะจง ทำให้แยกได้ยากจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น จมูกอักเสบหรือหวัด โรคไซนัสอักเสบมีตั้งแต่หายได้เองโดยไม่ต้องรักษา เช่น ไซนัสอักเสบตามหลังหวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสและเป็นไม่มาก ไปจนถึงไซนัสอักเสบที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น ไซนัสอักเสบที่มีภาวะแทรกซ้อนที่ตาและสมอง
สำหรับโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะเริ่มแรก อาจเกิดไซนัสอักเสบเฉียบพลันเป็นๆ หายๆ หรือเกิดไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น เยื่อบุหูชั้นกลางอักเสบ ริดสีดวงจมูก ท่อยูสเตเชียน(ที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูก)ทำงานผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อนทางตา หรือสมอง เช่น ฝีในลูกตาหรือสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่ถ้าผู้ป่วยไซนัสอักเสบได้รับการวินิจฉัย และได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมในระยะเริ่มแรก จะช่วยลดอุบัติการณ์ของการกลับเป็นซ้ำ หรือการเป็นเรื้อรัง และลดอุบัติการณ์ของภาวะแทรกซ้อนและการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้
อุบัติการณ์
     โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ ประมาณกันว่าประชากรทั่วไป 1 ใน 8 คนจะเป็นโรคไซนัสอักเสบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยอุบัติการณ์ของการเกิดไซนัสอักเสบมีแนวโน้มว่าจะเกิดมากขึ้นในฤดูกาลที่มีคนเป็นไข้หวัดหรือมีการอักเสบติดเชื้อในทางเดินหายใจมาก คือไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลันที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในผู้ใหญ่ที่เกิดตามหลังไข้หวัดจะพบได้ประมาณร้อยละ 0.5-2 ส่วนในเด็กจะพบได้ประมาณร้อยละ 5-10 ส่วนโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังนั้นจะพบในกลุ่มประชากรทั่วไปประมาณร้อยละ 1.2-6
สาเหตุของไซนัสอักเสบ
     - การติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบน เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของไซนัสอักเสบชนิดเฉียบพลัน
     - การติดเชื้อของฟันกรามแถวบน มักทำให้เป็นไซนัสอักเสบข้างเดียว
     - การว่ายน้ำ ดำน้ำ โดยเฉพาะขณะมีการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบน
     - สิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก มักทำให้เป็นไซนัสอักเสบข้างเดียว โดยเฉพาะในเด็ก
     - การเปลี่ยนแปลงความดันของบรรยากาศภายนอกอย่างรวดเร็ว
     - อุบัติเหตุของกระดูกบริเวณใบหน้า
     - ปัจจัยที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น บริเวณที่มีฝุ่น ควัน หรือสิ่งระคายเคืองมาก
     - ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและภูมิต้านทานของร่างกาย เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีภูมิต้านทานต่ำ
     - ปัจจัยที่เกี่ยวกับการถ่ายเทและการระบายสารคัดหลั่งและอากาศของไซนัส ได้แก่

โรคหรือภาวะใดก็ตามที่ทำให้มีการอุดตันหรือรบกวนการทำงานของรูเปิดของไซนัส เช่น
* มีการบวมของเยื่อบุจมูกบ่อยๆ หรือเรื้อรัง เนื่องจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และชนิดไม่แพ้ การสูบบุหรี่ หรือสูดควันบุหรี่ การสัมผัสกับมลพิษเป็นประจำ
* มีผนังกั้นช่องจมูกคดงอ
* กระดูกที่ผนังด้านข้างโพรงจมูกมีขนาดใหญ่มาก จนไปอุดตันรูเปิดของไซนัส
* มีก้อนเนื้อในโพรงจมูกหรือไซนัส เช่น ริดสีดวงจมูก เนื้องอกในโพรงจมูกหรือไซนัส
* ในเด็กเล็ก อาจมีต่อมแอดีนอยด์โต หรือมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจมูกเป็นเวลานาน
* ผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางจมูก หรือต้องคาสายให้อาหารในโพรงจมูกเป็นระยะเวลานาน
* ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของขนกวัดที่ทำหน้าที่กำจัดสารคัดหลั่งและสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูกและโรคไซนัส เช่น มีการทำงานที่ผิดปกติไป
ไซนัสอักเสบเกิดได้อย่างไร
     ไซนัสจะมีช่องทางติดต่อกับโพรงจมูกโดยผ่านทางรูเปิดธรรมชาติ โรคไซนัสอักเสบเกิดจากการอุดกั้นของรูเปิดระหว่างจมูกและไซนัสดังกล่าว ทำให้มีการคั่งของสารคัดหลั่งภายในไซนัส กลไกการพัดโบกของขนกวัดที่เยื่อบุไซนัสจึงผิดปกติไป และอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรือร่างกายไม่สามารถสร้างสารคัดหลั่งของไซนัสที่ดีและมีคุณภาพในการต่อต้านการติดเชื้อได้ ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุไซนัสตามมา
โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันหมายถึงมีการอักเสบของเยื่อบุไซนัสที่เป็นมาน้อยกว่า 4 สัปดาห์ และอาการหายไปอย่างสมบูรณ์ ส่วนไซนัสอักเสบเรื้อรังคือ การที่มีเยื่อบุของไซนัสอักเสบเป็นระยะเวลามากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไปทั้งๆ ที่ให้การรักษาโดยการให้ยาเต็มที่แล้ว โดยพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในเยื่อบุไซนัสของผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรังนั้น จะมีการอักเสบและการทำลายของเยื่อบุไซนัส และสูญเสียขนกวัดที่ทำหน้าที่กำจัดสารคัดหลั่งและสิ่งแปลกปลอม
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ
     การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบจะอาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการสืบค้นเพิ่มเติม ดังนี้
ประวัติที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่ เป็นหวัดมานานมากกว่า 7-10 วัน เป็นหวัดที่มีอาการรุนแรงมาก ไข้สูง คัดจมูก มีน้ำมูกเหลืองข้น ได้กลิ่นลดลง ปวดหรือตื้อทึบบริเวณโหนกแก้มคล้ายปวดฟันบน ปวดรอบๆ จมูก หัวคิ้ว หรือหน้าผาก เจ็บคอ เสมหะไหลลงคอ ไอ ปวดศีรษะ อาการทางจมูกที่ไม่ดีขึ้นหลังให้ยาหดหลอดเลือด โดยมีอาการดังกล่าวภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ส่วนผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังมักมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง เช่น คัดจมูก การรับกลิ่นลดลงหรือไม่ได้กลิ่น มีน้ำมูกสีเขียวเหลืองในจมูกหรือไหลลงคอ ปวดศีรษะ มีกลิ่นปาก ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ลิ้นเป็นฝ้า คอแห้ง มีเสมหะในคอ เจ็บคอ ระคายคอเรื้อรัง ไอ ปวดหู หรือหูอื้อ อาจแยกได้ยากจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้
ลักษณะที่พบจากการตรวจร่างกายที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลัน จะมีการกดเจ็บบริเวณไซนัสที่อักเสบ เห็นน้ำมูกเหลืองข้นไหลลงคอ เยื่อบุจมูกที่อักเสบบวมแดงมาก หรือมีหนอง โรคไซนัสอักเสบเรื้อรังมักจะไม่มีอาการกดเจ็บบริเวณไซนัส การตรวจในช่องจมูกอาจพบน้ำมูกเหลืองในจมูกหรือโพรงหลังจมูก และเยื่อบุจมูกที่อักเสบบวมได้
การสืบค้นเพิ่มเติมที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ ได้แก่ การส่งถ่ายภาพรังสีไซนัส การส่งทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) บริเวณจมูกและไซนัส ซึ่งมีประโยชน์ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคไซนัสอักเสบ ผู้ป่วยที่เป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันเป็นๆ หายๆ หรือ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง และก่อนทำการผ่าตัดรักษาไซนัสอักเสบด้วยกล้องเอ็นโดสโคป ซึ่งการใช้กล้องเอ็นโดสโคปในการส่องตรวจในโพรงจมูก ก็เพื่อดูรูเปิดของไซนัสว่ามีหนองไหลออกมาหรือไม่ นอกจากนี้การส่องกล้องยังช่วยเก็บสารคัดหลั่ง หรือหนอง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อและความไวต่อยาต้านจุลชีพ หาความผิดปกติทางกายวิภาคที่เป็นสาเหตุของโรคไซนัสอักเสบ และช่วยในการผ่าตัดโดยทำให้เห็นบริเวณที่ผ่าตัดชัดขึ้น และช่วยในการติดตามผลการรักษาของผู้ป่วยด้วย
การรักษาโรคไซนัสอักเสบ
     จุดมุ่งหมายของการรักษาไซนัสอักเสบคือ บรรเทาอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และป้องกันภาวะแทรกซ้อน หรือการกลับเป็นซ้ำของโรค โดยหลักในการรักษาโรคไซนัสอักเสบ ประกอบด้วย

      1. กำจัดเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ ด้วยการให้ยาต้านจุลชีพ เพื่อทำให้อาการของโรคดีขึ้นเร็ว โดยการเลือกชนิดของยาต้านจุลชีพขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ การดำเนินโรค ความไวต่อยาต้านจุลชีพของเชื้อนั้นๆ และอุบัติการณ์ของการดื้อยา สำหรับระยะเวลาของการให้ยาต้านจุลชีพนั้น ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันควรให้ยาต้านจุลชีพอย่างน้อย 10-14 วัน หรือให้จนผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติและให้ต่ออีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น ส่วนในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังควรให้ยาต้านจุลชีพเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 สัปดาห์

      2. ทำให้การไหลเวียนของสารคัดหลั่งและอากาศภายในไซนัสดีขึ้น ด้วยการใช้
- ยาหดหลอดเลือด ทำให้การบวมของเยื่อบุจมูกลดลง บรรเทาอาการคัดจมูก ทำให้รูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น อาจให้ในรูปยาพ่นหรือยาหยอดจมูก หรือยารับประทาน หรือให้ร่วมกันทั้งสองชนิดก็ได้ สำหรับยาหดหลอดเลือดที่พ่นหรือหยอดจมูก ไม่ควรใช้นานกว่า 7 วัน เพราะจะทำให้เยื่อบุจมูกเสียได้ ส่วนยาหดหลอดเลือดชนิดรับประทาน ควรระวังผลข้างเคียงด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

      - ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก อาจมีประโยชน์ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือไซนัสอักเสบเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะถ้ามีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือชนิดที่ไม่แพ้ร่วมด้วย ยาพ่นจมูกดังกล่าวจะช่วยลดการอักเสบในจมูก ทำให้รูเปิดของไซนัสที่มาเปิดในโพรงจมูกโล่งขึ้น ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศ การระบายของสารคัดหลั่ง หรือหนองที่อยู่ภายในไซนัสดีขึ้น

      - ยาต้านฮีสทามีน ไม่แนะนำให้ใช้ยาต้านฮีสทามีนรุ่นเก่าในผู้ป่วยไซนัสอักเสบที่ไม่ได้มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย เนื่องจากอาจทำให้น้ำมูกและสารคัดหลั่งแห้งและเหนียวได้ ในรายที่มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วยก็ควรเลือกใช้ยาต้านฮีสทามีนรุ่นใหม่ เนื่องจากมีผลข้างเคียงดังกล่าวค่อนข้างน้อย

      - ยาละลายมูกหรือเสมหะ ยังไม่มีการศึกษาที่แสดงถึงประสิทธิภาพของยาละลายมูกในการรักษาโรคไซนัสอักเสบชัดเจน

      - การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ เป็นการชะล้างเอาน้ำมูก หนอง สิ่งสกปรกในจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัสออก เพื่อให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่ง ทำให้การพัดโบกของขนกวัดที่เยื่อบุจมูกดีขึ้น อาการต่างๆ ของผู้ป่วยจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

      - การสูดดมไอน้ำเดือด จะช่วยทำให้เยื่อบุจมูกยุบบวม โล่ง ลดอาการคัดจมูก และอาการปวดตื้อๆ ที่ศีรษะ นอกจากนั้นยังทำให้การพ่นยาเข้าไปในจมูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

      - การผ่าตัด เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคไซนัสอักเสบส่วนใหญ่มักจะหายได้โดยการใช้ยาอย่างเต็มที่ แพทย์จึงพยายามใช้ยาในการรักษาอย่างเต็มที่ก่อน จึงมีผู้ป่วยส่วนน้อยที่ต้องรับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขพยาธิสภาพที่ทำให้รูเปิดระหว่างโพรงจมูกและไซนัสอุดตัน ซึ่งมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดดังนี้

* ผู้ป่วยต้องการเชื้อไปส่งตรวจหาชนิดและความไวต่อยาต้านจุลชีพของเชื้อ

* ผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยให้ยาอย่างเต็มที่แล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น(ผู้ป่วยไซนัสอักเสบเฉียบพลันที่รักษาด้วยยาเต็มที่แล้ว แต่ไม่หายภายใน 3–4 สัปดาห์ หรือผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรังที่รักษาด้วยยาเต็มที่แล้วไม่ได้ผลภายใน 4–6 สัปดาห์) หรือมีการอักเสบเป็นซ้ำหลายๆ ครั้ง

* ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมาก มีไข้ขึ้นสูง หรือมีภาวะแทรกซ้อนของไซนัสอักเสบ

* ผู้ป่วยไซนัสอักเสบที่มีริดสีดวงจมูกร่วมด้วย

* ผู้ป่วยไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา

* ผู้ป่วยไซนัสอักเสบที่มีความผิดปกติของโครงสร้างทางกายวิภาคภายในโพรงจมูก ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูเปิดไซนัส

3. รักษาโรคหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไซนัสอักเสบเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ได้แก่

      - ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี เพื่อร่างกายจะได้มีภูมิคุ้มกัน โดยให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ความต้านทานโรคดีขึ้น ลดโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อลง

     - เมื่อมีการติดเชื้อขึ้นในทางเดินหายใจส่วนบน เช่น เป็นหวัด คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือฟันผุ ต้องรีบรักษาให้หายโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นลุกลามไปถึงไซนัสได้

      - ผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือชนิดไม่แพ้ ควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และให้ผู้ป่วยรู้จักวิธีปฏิบัติตัวและดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม

      - ผู้ป่วยที่มีผนังกั้นช่องจมูกคด หรือมีความผิดปกติทางกายวิภาคอื่นๆ ในจมูก หรือมีริดสีดวงจมูก ควรให้การรักษาด้วยยาหรือผ่าตัดให้เหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป
Article: รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคจมูกและภูมิแพ้http://www.healthtodaythailand.com/

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำท่วมภาคกลางครั้งนี้หนักกว่าสึนามิบ้านเรานัก

ข่าวน้ำท่วมภาคกลางในช่วงเดือนที่ผ่านมา เป็นข่าวที่ทุกคนพูดถึงทุกๆวันในระยะนี้ ยิ่งดูภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่เหล่านั้นยิ่งสะเทือนใจ เด็กเล็ก คนชรา คนพิการ ผู้ป่วย ขาดยา อาหาร นม ทุกที่แวดล้อมไปด้วยน้ำ ที่ไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้น หรือ คงที่ไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหน การช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนยังคงทยอยไปยังผู้ประสบภัย แต่พื้นที่ความเสียหายเดือดร้อนนั้นช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน คิดว่าคงยังมีคนที่ยังรอคอยความช่วยเหลือเข้าไปถึงอีกเป็นจำนวนมาก หวังว่าการระดมการช่วยเหลือคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่เป้นเพียงกระแส  ที่หายไปชั่วข้ามคืน/ สัปดาห์  .......
ตอนนี้ก็เหลือความหวังเพียงป้องกันเมืองหลวงไว้ให้ได้  เขตนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งก็จมอยู่ในน้ำไปแล้ว  http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000132565  บางคนพูดเรื่องความผิดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบ ใครเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายลุกลามขนาดนี้ .....ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดสิ่งเลวร้ายกับผู้คนในวงกว้างเช่นนี้  แต่ความสามารถ วิสัยทัศน์ ภาวะผู้นำ ในการทำงานให้ชาติให้ประเทศ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ ลดขนาดความเสียหายลงได้  เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของนายกหญิงใหม่ถอดด้าม ....ภาพความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ขัดแย้งกัน ระหว่างฝ่ายรัฐ กับประชาชนหรือกลุ่มนักวิชาการ ยังคงมีให้เห็นอยู่จนวันนี้ รัฐสั่งให้เปิดประตูน้ำ  ประชาชนไม่ยอม จนเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นท่ามกลางวิกฤตจากภัยธรรมชาติ  เข้าใจว่าทุกคนเดือดร้อนเป็นทุกข์กัน แต่ควรจะมีใครซักคนที่ก้าวเข้ามาใกล่เกลี่ยความเข้าใจอันไม่ลงรอยกันนี้ ซึ่งต้องเป็นผู้มีความน่าเชื่อถือ ผู้ที่เป็นที่รัก ไว้วางใจของพวกเรา...ใครกันเล่า...
    ส่วนตัวได้เพียงช่วยบริจาคกำลังเงิน กำลงัใจไปให้ผู้ประสบภัย และติดตามข่าวสารของเพื่อนๆ ซึ่งครั้งนึงพวกเค้าก็เคยเอาใจช่วยพวกเราชาวใต้ที่ประสบภัยสึนามิเช่นกัน  ธรรมชาติกำลังลงโทษมนุษยืที่ทำร้ายเค้าตลอดมา  ใกล้ถึงเวลานั้นแล้วสิ  วันสิ้นโลก  ....วันที่ทุกคนกลับสู่พื้นพิภพนี้อีกครั้ง...