วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

เปิดร้านยาให้ขายดีต้องใช้เวลา

มา share ประสบการณ์การเปิดร้านขายยา ขย.1 ค่ะ
  หากเป็นเภสัชกรมีใบอนุญาตขายยาอยู่แล้ว ก็เริ่ม
1. หาทำเลทองกัน  ชื่อว่าทำเลทอง ใครๆก็อยากได้ เรามักไม่ใช่คนแรกที่เห็น  นอกจากคุณจะเล็งเห็นแล้วว่าในไม่ช้าทำเลเงินนั้นจะกลายเป็นทำเลทองในเร็ววัน คุณก็ไปเป็นผู้บุกเบิกเลย ค่าเช่าก็แล้วแต่ทำเลทอง หรือ เงิน หรือทองแดง ตั้งแต่หลักพัน ไปจนหลักแสน กันเลยทีเดียว (ภูเก็ต)  ค่าเช่าที่เป็นต้นทุนคงที่ที่ต้องสนใจ และทำเลก็เป็นหัวใจหลัก ในการค้าขาย    ทำเลทอง/เงิน หายังไง มี web แนะนำเรื่องนี้อยู่มากมายค่ะลองสืบค้นดู
2.ถ้าคุณเป็นนายทุน ไม่ใช่เภสัชกรเอง  ก้ต้องหาเภสัชกร (ที่มีใบประกอบ) มาทำงานให้ที่ร้าน โดย ตลอดเวลา ที่แจ้งเปิดร้านต้องมีเภสัชกรประจำ ตลอดเวลาทำการ  หากเภสัชไม่อยู่ มีคนขายแทนก็จะอนุญาตให้ขายได้เฉพาะยาสามัญประจำบ้าน ค่ะ  ค่าจ้างเภสัชกรก็แตกต่างกันไปตามพื้นที่ อย่างที่ภูเก็ต ก็ 30,000++ โดยมีที่พัก+internet+อื่นๆอีก


3.ตกแต่งร้าน  อันนี้ก็แล้วแต่งบประมาณ อย่างต่ำๆก็ 150,000-200,000 รวมติดแอร์  รวมค่าป้ายไฟ ยิ่งร้านใหม่ๆต้องเอาป้ายให้ชนะเลิศ คนผ่านไปมาเห็นชัดๆ ทั้งป้ายหน้าร้าน ป้ายยื่น เอาให้ครบ
จัดzone ยาต่างๆให้ถูกต้องตามที่สสจ.กำหนด  อย่างยาอันตรายต้องอยู่ในตู้ที่ล็อกได้ เผื่อเวลาเภสัชไม่อยู่จะต้องล็อกไว้  


4.เลือกยา/จัดวางยา  มือใหม่ก็ไปเลือก/ปรึกษากับยี่ปั๊วไปก่อน เค้าอาจรู้ว่า zone ไหนยาประเภทไหนขายได้ ยาพื้นฐานควรมีอะไรบ้าง  ส่วนมากจะให้ credit ลงยาครั้งแรกก็เอาให้เต็มๆร้านหน่อย เพราะจะได้ดูมีอะไรขาย ไม่ใช่โหลงเหลง  ตัวไหนอยู่ไปขายไม่ได้ค่อยคืนก็ได้


5.ขออนุญาตเปิดร้านที่สสจ. อันนี้ทำไปพร้อมๆกับแต่งร้านก็ได้ เพราะครั้งแรกก็ต้องไปเอาเอกสารมากรอก จัดเตรียมป้ายชื่อ/ป้ายโน่นนี่นั่น  พอจัดร้านเป็นรูปเป็นร่างก็ถ่ายรูปไปประกอบการยื่นขออนุญาตด้วย  และเภสัชกรต้องไปเซ็นต์เอกสารการเปิดร้าน และ สัญญาว่าจ้างระหว่างเจ้าของร้านกับเภสัชต่อหน้าเจ้าหน้าที่สสจ.ด้วย   พอเอกสารผ่านเค้าก็จะส่งให้นพ.สสจ.เซ็นต์เป็นใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน
6.นัดตรวจสถานที่จริง  ถึงตอนนี้ก้เตรียมรับแขกจากสสจ.เลย เอาให้เป๊ะตามที่เค้าต้องการทุกอย่าง ก็ผ่าน เปิดร้านได้เลย
ต่อจากนั้นก้อยู่ที่ความตั้งใจ ความอดทน ของเจ้าของ/เภสัชกร ที่จะบริการอย่างมืออาชีพ และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน  แรกๆอาจต้องนั่งตบยุงกันไปเป็นเดือน ต้องมีเงินสำรองไว้ซัก 6 เดือน เพราะต้องซื้อยามาเติม และเผื่อขาดทุนในช่วงแรกๆด้วย....


กำไรยาใครว่ามากมาย แค่ 30 percent เอง....ทำใจไว้เลยจะเกิดการขายตัดราคากันขึ้น  ตั้งราคาให้เป็นไปตามสภาพพื้นที่ ยาตลาด ยาเรียกหาก็ต้องถุกหน่อย ไม่ต้องหวังกำไรมากมายเลย ไม่งั้นลูกค้าจะไปซื้อร้านอื่นหมด พาลเอายาจัดก็หายตามไปด้วย  หมดกำลังใจกันพอดี.....


******จนแล้วจนรอดหากไปไม่ไหวจริงๆก็ปิดอย่าดันทุรัง  หาช่องทางอย่างอื่น  หนทางไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบค่ะ***คิดให้ออก เกิดปัญญา  ตั้งใจ  ไม่ไกลเกินฝัน**สู้ๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น