มา share ประสบการณ์การเปิดร้านขายยา ขย.1 ค่ะ
หากเป็นเภสัชกรมีใบอนุญาตขายยาอยู่แล้ว ก็เริ่ม
1. หาทำเลทองกัน ชื่อว่าทำเลทอง ใครๆก็อยากได้ เรามักไม่ใช่คนแรกที่เห็น นอกจากคุณจะเล็งเห็นแล้วว่าในไม่ช้าทำเลเงินนั้นจะกลายเป็นทำเลทองในเร็ววัน คุณก็ไปเป็นผู้บุกเบิกเลย ค่าเช่าก็แล้วแต่ทำเลทอง หรือ เงิน หรือทองแดง ตั้งแต่หลักพัน ไปจนหลักแสน กันเลยทีเดียว (ภูเก็ต) ค่าเช่าที่เป็นต้นทุนคงที่ที่ต้องสนใจ และทำเลก็เป็นหัวใจหลัก ในการค้าขาย ทำเลทอง/เงิน หายังไง มี web แนะนำเรื่องนี้อยู่มากมายค่ะลองสืบค้นดู
2.ถ้าคุณเป็นนายทุน ไม่ใช่เภสัชกรเอง ก้ต้องหาเภสัชกร (ที่มีใบประกอบ) มาทำงานให้ที่ร้าน โดย ตลอดเวลา ที่แจ้งเปิดร้านต้องมีเภสัชกรประจำ ตลอดเวลาทำการ หากเภสัชไม่อยู่ มีคนขายแทนก็จะอนุญาตให้ขายได้เฉพาะยาสามัญประจำบ้าน ค่ะ ค่าจ้างเภสัชกรก็แตกต่างกันไปตามพื้นที่ อย่างที่ภูเก็ต ก็ 30,000++ โดยมีที่พัก+internet+อื่นๆอีก
3.ตกแต่งร้าน อันนี้ก็แล้วแต่งบประมาณ อย่างต่ำๆก็ 150,000-200,000 รวมติดแอร์ รวมค่าป้ายไฟ ยิ่งร้านใหม่ๆต้องเอาป้ายให้ชนะเลิศ คนผ่านไปมาเห็นชัดๆ ทั้งป้ายหน้าร้าน ป้ายยื่น เอาให้ครบ
จัดzone ยาต่างๆให้ถูกต้องตามที่สสจ.กำหนด อย่างยาอันตรายต้องอยู่ในตู้ที่ล็อกได้ เผื่อเวลาเภสัชไม่อยู่จะต้องล็อกไว้
4.เลือกยา/จัดวางยา มือใหม่ก็ไปเลือก/ปรึกษากับยี่ปั๊วไปก่อน เค้าอาจรู้ว่า zone ไหนยาประเภทไหนขายได้ ยาพื้นฐานควรมีอะไรบ้าง ส่วนมากจะให้ credit ลงยาครั้งแรกก็เอาให้เต็มๆร้านหน่อย เพราะจะได้ดูมีอะไรขาย ไม่ใช่โหลงเหลง ตัวไหนอยู่ไปขายไม่ได้ค่อยคืนก็ได้
5.ขออนุญาตเปิดร้านที่สสจ. อันนี้ทำไปพร้อมๆกับแต่งร้านก็ได้ เพราะครั้งแรกก็ต้องไปเอาเอกสารมากรอก จัดเตรียมป้ายชื่อ/ป้ายโน่นนี่นั่น พอจัดร้านเป็นรูปเป็นร่างก็ถ่ายรูปไปประกอบการยื่นขออนุญาตด้วย และเภสัชกรต้องไปเซ็นต์เอกสารการเปิดร้าน และ สัญญาว่าจ้างระหว่างเจ้าของร้านกับเภสัชต่อหน้าเจ้าหน้าที่สสจ.ด้วย พอเอกสารผ่านเค้าก็จะส่งให้นพ.สสจ.เซ็นต์เป็นใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน
6.นัดตรวจสถานที่จริง ถึงตอนนี้ก้เตรียมรับแขกจากสสจ.เลย เอาให้เป๊ะตามที่เค้าต้องการทุกอย่าง ก็ผ่าน เปิดร้านได้เลย
ต่อจากนั้นก้อยู่ที่ความตั้งใจ ความอดทน ของเจ้าของ/เภสัชกร ที่จะบริการอย่างมืออาชีพ และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน แรกๆอาจต้องนั่งตบยุงกันไปเป็นเดือน ต้องมีเงินสำรองไว้ซัก 6 เดือน เพราะต้องซื้อยามาเติม และเผื่อขาดทุนในช่วงแรกๆด้วย....
กำไรยาใครว่ามากมาย แค่ 30 percent เอง....ทำใจไว้เลยจะเกิดการขายตัดราคากันขึ้น ตั้งราคาให้เป็นไปตามสภาพพื้นที่ ยาตลาด ยาเรียกหาก็ต้องถุกหน่อย ไม่ต้องหวังกำไรมากมายเลย ไม่งั้นลูกค้าจะไปซื้อร้านอื่นหมด พาลเอายาจัดก็หายตามไปด้วย หมดกำลังใจกันพอดี.....
******จนแล้วจนรอดหากไปไม่ไหวจริงๆก็ปิดอย่าดันทุรัง หาช่องทางอย่างอื่น หนทางไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบค่ะ***คิดให้ออก เกิดปัญญา ตั้งใจ ไม่ไกลเกินฝัน**สู้ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น